คู่มือการเลือกไข่มุก

พื้นผิวที่สมบูรณ์แบบ

ตำหนิและร่องรอยเล็กน้อย นับว่าเป็นส่วนหนึ่งของพื้นผิวตามธรรมชาติของอัญมณีที่งดงามตามธรรมชาติอย่างไข่มุก และเป็นสิ่งที่จะพิสูจน์ถึงความเป็นของแท้ ซึ่งรอยตำหนิเหล่านี้ เกิดจากอนุภาคเล็กๆ ในท้องทะเลที่เล็ดลอดเข้าไปภายในเปลือกหอย ทำให้หอยเกิดความระคายเคือง จนมีกลไกป้องกันตัว โดยการสร้างชั้นเพื่อห่อหุ้มสิ่งแปลกปลอมนั้น ที่สำคัญ…ยิ่งมีตำหนิน้อยเท่าไหร่ คุณค่าของมุกก็จะยิ่งสูงขึ้นด้วย

รูปร่าง

โดยทั่วไปผู้เชี่ยวชาญด้านไข่มุกจะแบ่งรูปทรงของไข่มุกออกเป็น 3 ประเภทหลักๆ โดยพิจารณาจากลักษณะโดยรวม


ไข่มุกทั้ง 3 ประเภทมีดังนี้…


ไข่มุกทรงกลม
ไข่มุกเดี่ยวรูปทรงกลม หรือเกือบกลม เป็นไข่มุกรูปทรง “คลาสสิก” ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด

ไข่มุกทรงสมมาตร
เป็นไข่มุกรูปทรงสมมาตร ที่มีความสมดุลและสม่ำเสมอ ซึ่งถ้าหากลองแบ่งครึ่งแล้ว อีกซีกหนึ่งจะมีขนาดและรูปทรงเหมือนกันราวกับส่องกระจกทีเดียว!

ไข่มุกรูปทรงอิสระ
เป็นไข่มุกที่มีรูปทรงไม่สม่ำเสมอ มีความไม่สมมาตรตามธรรมชาติ เปรียบกับงานศิลปะแนวแอ็บสแตรกต์ก็ว่าได้ โดดเด่นตรงที่แต่ละเม็ดก็จะมีเอกลักษณ์และเสน่ห์ของตัวเอง


6 รูปทรงพื้นฐานของไข่มุก


ไข่มุกถูกแบ่งออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ ก็จริง แต่ยังถูกแบ่งเป็นรูปทรงย่อยๆ ได้อีกถึง 6 ประเภทด้วยกัน…

ทรงกลม:
เมื่อนึกถึงไข่มุกขึ้นมา แน่นอนว่าต้องเป็น “ไข่มุกทรงกลม” ที่เปรียบเสมือนตัวแทนของความสมบูรณ์แบบ เป็นไข่มุกธรรมชาติที่หายากและมีความ “คลาสสิก” ไม่มีวันล้าสมัย จึงเป็นที่ต้องการมากกว่าทรงอื่นๆ 

ทรงเกือบกลม:
ไข่มุกที่มีลักษณะแบนหรือยาวเล็กน้อย เป็นทรงกลมที่ ‘เกือบจะ’ สมบูรณ์แบบ แต่ก็มีเสน่ห์ในตัวเองไม่แพ้ใคร

ทรงกระดุม:
Button pearls are flattened to some degree, making them resemble a button or perhaps a disk rather than a perfect sphere. These pearls are often used in earrings, where the flattened side can be attached to the setting.

ทรงหยดน้ำ:
ไข่มุกทรงหยดน้ำหรือทรงลูกแพร์ จะเป็นหยดยาวหรือหยดสั้นก็ได้ ขึ้นอยู่กับสัดส่วนของมัน ซึ่งไข่มุกทรงนี้ สามารถเพิ่มเสน่ห์ชวนมองให้กับเครื่องประดับอย่างจี้และพวกต่างหูได้ดี

ทรงกึ่งอิสระ:
ไข่มุกทรงกึ่งอิสระ จะมีรูปร่างที่ผิดปกติเพียงเล็กน้อย ตัวอย่างเช่นไข่มุกทรงไข่, ทรงกระดุม หรือทรงหยดน้ำ ที่ไม่ได้มีความสมมาตรตามธรรมชาติ

ทรงอิสระ:
ไข่มุกที่มีรูปร่างไม่สมมาตรและไม่สม่ำเสมอ ราวกับงานศิลปะแนวแอ็บสแตรกต์ ที่แม้จะเข้าใจยาก แต่กลับสร้างความประทับใจได้ง่าย โดดเด่นด้วยรูปทรงแปลกตา อาทิ ไม้กางเขน, กิ่งไม้ และอื่นๆ



ไข่มุกของ “มธรา”

ไข่มุกเพาะเลี้ยงอะโกย่า (Akoya Pearls)
ไข่มุกสีขาวทรงกลมที่เปล่งประกายและแวววาวมากที่สุดในบรรดาไข่มุกเลี้ยงทั้งหมด ซึ่งไข่มุกอะโกย่า เป็นไข่มุกสีขาวคลาสสิกที่ถูกเลี้ยงในน่านน้ำของมหาสมุทรญี่ปุ่น

ซึ่งไข่มุกอะโกย่าเหล่านี้ ถูกนำมาใช้ในเครื่องประดับของ “มธรา สตูดิโอ” และ “มธรา ไฟน์ จิวเวลรี่” ของพวกเรา

ขนาด: ไข่มุกอะโกย่ามีขนาดตั้งแต่ 5 มม. ถึง 11 มม. ซึ่งขนาด 10 มม. และ 11 มม. เป็นขนาดที่หายากมาก ส่วนขนาดที่พบมากที่สุดและคุ้มค่าที่สุดคือระหว่าง 7 มม. ถึง 7.5 มม.
สี: ขาว, ครีม หรืออาจจะมีสีดำ (ขึ้นอยู่กับการเพาะเลี้ยง)
ความเหลือบหรือประกาย: โทนกุหลาบ, ครีม หรืองาช้าง
แหล่งกำเนิดไข่มุก: ญี่ปุ่น

ไข่มุกเลี้ยงน้ำจืด:
เรียกว่าขับเคลื่อนโลกแฟชั่นได้เลย สำหรับ “ไข่มุกเลี้ยงน้ำจืด” ที่แม้จะมีคุณภาพไม่เท่ากับไข่มุกอะโกย่า แต่ด้วยราคาที่จับต้องได้ มาพร้อมสีสันและรูปทรงที่สวยงาม ทำให้ไข่มุกน้ำจืดเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าและคู่ควร จนกลายเป็นคู่แข่งสำคัญกับไข่มุกอะโกย่าไปโดยปริยาย ทั้งในด้านคุณภาพและมูลค่า ซึ่งไข่มุกน้ำจืดมาจากหอยน้ำจืด ผลิตในประเทศจีนเป็นหลัก

และด้วยข้อดีต่างๆ เหล่านี้ “ไข่มุกเลี้ยงน้ำจืด” จึงถูกนำมาใช้งานเป็นหลักในการผลิตเครื่องประดับ “มธรา สตูดิโอ”

ขนาด: ไข่มุกเลี้ยงน้ำจืดทั่วไป มีขนาดตั้งแต่ 2 มม. ถึง 15 มม. และมีขนาดที่กว้างที่สุดในบรรดาไข่มุกทุกประเภท
สี: ขาว, ครีม หรืออาจจะมีสีดำ (ขึ้นอยู่กับการเพาะเลี้ยง)
ความเหลือบหรือประกาย: กุหลาบครีมหรืองาช้าง
แหล่งกำเนิดไข่มุก: พบได้ทั่วเอเชีย

ไข่มุกเลี้ยงตาฮิเตียน:
หลายคนอาจจะคุ้นกับชื่อ “ไข่มุกตาฮิติ” ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นไข่มุกดำที่หายากและสวยงามแบบละสายตาไม่ได้ จนได้รับฉายาว่าเป็น “ราชินีแห่งไข่มุก” ด้วยขนาดที่ใหญ่ ความแวววาว และรูปทรงกลมสวย ทำให้เป็นที่ต้องการมากในท้องตลาด ไข่มุกตาฮิเตียนมาจากแถบน้ำอุ่นของทะเลใต้ โดยหอยที่ผลิตไข่มุกตาฮิติมีชื่อว่า “Black-Lipped Oysters”

ขนาด: ส่วนใหญ่อยู่ในระหว่าง 8 มม. ถึง 21 มม.
สี: เฉดสีน้ำตาล, เทา, ฟ้า, เขียว และม่วง
ความเหลือบหรือประกาย: เงิน, ฟ้าเหลือบเขียว
แหล่งกำเนิดไข่มุก: ส่วนใหญ่พบในเกาะเฟรนช์โปลินีเซีย

ไข่มุกเลี้ยงทะเลใต้:
หรือที่มักจะเรียกกันว่า “ไข่มุกเซาท์ซี” เป็นไข่มุกสีขาวและสีทองเรืองแสงขนาดใหญ่ เป็นไข่มุกที่หายากและเป็นที่นิยมของนักเล่นมุกตัวจริง เนื่องจากความสวยงามและคุณภาพที่ควรค่าแก่การสะสม ไข่มุกเซาท์ซีขึ้นชื่อเรื่องขนาดที่มีความใหญ่ มาพร้อมผิวไข่มุกและลัสเตอร์ที่เงาวาว

ไข่มุกเซาท์ซีเป็นไข่มุกน้ำเค็มที่เพาะปลูกจากหอยนางรม ส่วนใหญ่จะพบทางตอนเหนือของออสเตรเลียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งพม่าและอินโดนีเซีย

ขนาด: อยู่ระหว่าง 8 มม. ถึง 20 มม. ขนาดโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 13 มม. 
สี: ขาว, ครีม และเงิน
ความเหลือบหรือประกาย: ชมพู, ฟ้า และเขียว
แหล่งกำเนิดไข่มุก: ออสเตรเลีย, อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ เป็นแหล่งผลิตไข่มุกน้ำเค็มชั้นนำเหล่านี้

หากคุณต้องการซื้อเครื่องประดับมุกอย่างสร้อยมุก, ต่างหูมุก, แหวนมุก, เข็มกลัดมุกหรือสร้อยข้อมือมุก สามารถแวะชมได้ภายในเว็บไซต์ Matara Pearl ของเรา