เผยความเชื่อ ความรัก และความมั่งคั่งที่ซ่อนภายใต้ความงามของไข่มุก

“ไข่มุกเป็นราชินีแห่งอัญมณีและอัญมณีขององค์ราชินี”

เกรซ เคลลี

ย้อนอดีตไปยังจุดเริ่มต้นของไข่มุกที่ถือว่าเป็นหนึ่งในอัญมณีที่สวยงามและล้ำค่ามากที่สุด โดยทุกวันนี้ไข่มุกยังคงเป็นเครื่องประดับชิ้นสำคัญที่สาวๆ หลายคนมี ด้วยสเน่ห์ของไข่มุกที่เปล่งประกายสวยงามนี้เอง จึงทำให้มันเป็นเครื่องประดับที่อยู่เหนือกาลเวลาและสามารถสวมใส่ได้ทุกโอกาส

มาดูกันว่ามีความเชื่อเกี่ยวกับไข่มุกแต่ละชนิดอย่างไรบ้าง พร้อมเผยสิ่งที่ทำให้ไข่มุกมีความพิเศษ ตลอดจนเทคนิคการเลือกไข่มุกให้ถูกใจคุณและคนที่คุณรักไปพร้อมๆ กันเลย

อะไรที่ทำให้ไข่มุกได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบัน?

ตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่าไข่มุกยังคงได้รับความนิยมอย่างล้นหลามมาตลอด มาร่วมหาคำตอบไปด้วยกันว่า ทำไมไข่มุกถึงได้ล้ำค่าและเพราะอะไรไข่มุกถึงยังสามารถครองใจสาวๆ ในช่วงเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมาได้อย่างไม่เปลี่ยนแปลง

1. ไข่มุกเกิดจากสิ่งมีชีวิต
นอกจากความเชื่อด้านพลังอำนาจของไข่มุกที่ทำให้มันดูมีความน่าสนใจแล้ว มันก็ยังเป็นอัญมณีที่มาจากธรรมชาติ จึงทำให้ไข่มุกมีความพิเศษต่างจากอัญมณีอื่นๆ นั่นเอง เพราะไข่มุกเกิดจากหอยมุกหลากหลายชนิด ซึ่งสามารถเจอได้จากการขุดพบตามแนวชายฝั่ง ด้วยเหตุนี้เอง ไข่มุกจึงเป็นเพียงเครื่องประดับหนึ่งเดียวที่เกิดจากสิ่งมีชีวิต

ด้วยที่มาของไข่มุกที่ไม่ธรรมดา จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้มันมีมูลค่าสูง ซึ่งไข่มุกจะค่อยๆ ก่อตัวขึ้นบริเวณผิวนิ่มๆ ในเปลือกหอยมุก และมีขนาดใหญ่ขึ้นตามความหนาของชั้นผิว  

2. ไข่มุกต้องอาศัยเวลาในการเติบโต
การเติบโตของไข่มุกอาจใช้เวลาตั้งแต่ 6 เดือนถึง 2 ปีเลยทีเดียว ซึ่งระยะเวลาที่ยาวนานนี้ยังส่งผลถึงอวัยวะภายในของหอยมุกด้วย และอาจทำให้ผลลัพธ์ไม่เป็นตามความคาดหวังเสมอไป

โดยเฉพาะเวลาที่ไข่มุกได้รับการกระทบกระเทือนหรือถูกล่าโดยนักล่าในห่วงโซ่อาหารของมัน ก่อนที่เราจะเก็บหอยมุกมาทำเครื่องประดับเสียอีก ซึ่งเราสามารถประเมินคุณภาพของไข่มุกได้จากขนาด รูปทรง สี ชั้นผิวภายใน ผิวภายนอก เช่นเดียวกับความแวววาวด้วยนั่นเอง

เราสามารถพบไข่มุกธรรมชาติได้หลายสี ไม่ว่าจะเป็นสีขาวที่ได้รับความนิยมกันทั่วไปเช่นเดียวกับสีดำ รวมถึงสีอื่นๆ อย่างสีม่วงและสีชมพู ซึ่งพบได้บ่อยในไข่มุกน้ำจืด

ความแตกต่างของไข่มุกแต่ละชนิด

คุณอาจกำลังสงสัยว่า ทำไมตัวเองถึงอยากได้ไข่มุกสีสันแปลกตาแทนที่จะเป็นสีคลาสสิกอย่างสีขาวที่คนส่วนใหญ่นิยมกัน แต่คุณรู้ไหมว่าความชอบสีไข่มุกที่แตกต่างนี้ขึ้นอยู่กับวัฒนธรรมของแต่ละประเทศด้วยล่ะ

จากนี้ เรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับไข่มุกแต่ละชนิดรวมถึงสีสันของมันไปด้วยกันเลย

1. Akoya Pearl (ไข่มุกอะโกย่า)

Akoya Pearl (ไข่มุกอะโกย่า) ถือเป็นเครื่องประดับสุดคลาสสิกที่ได้รับความนิยมจากคนทั่วโลกมาอย่างยาวนาน ซึ่งไข่มุกชนิดนี้หาได้จาก Akoya Oyster (หอยมุกอะโกย่า) และหอยมุกน้ำเค็มอื่นๆ ที่รังสรรค์ไข่มุกรูปทรงสมบูรณ์แบบด้วยสีธรรมชาติได้อย่างอัศจรรย์ โดยส่วนใหญ่แล้ว Akoya Pearl (ไข่มุกอะโกย่า) นั้นมีสีขาวนวล สีทองอ่อนๆ และสีเงินเหลือบฟ้าอมชมพูที่ส่องประกายแวววาวสะดุดตา

นอกจากนี้ Akoya Pearl (ไข่มุกอะโกย่า) ยังถือเป็นไข่มุกหายากเป็นพิเศษ เพราะหอยมุกที่ผลิต Agoya Pearl (ไข่มุกอะโกย่า) นั้นสามารถผลิตไข่มุกได้เพียง 1 เม็ด ต่างจากหอยมุกน้ำจืดที่สามารถผลิตไข่มุกได้มากถึง 30-40 เม็ดในคราวเดียว

ขนาด: ขนาดของ Akoya Pearl (ไข่มุกอะโกย่า) มีตั้งแต่ 5-10 มม. โดยเฉพาะ Akoya Pearl (ไข่มุกอะโกย่า) ขนาด 11 มม. นั้นถือเป็นขนาดที่หายากที่สุด ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว Akoya Pearl (ไข่มุกอะโกย่า) ขนาด 7-7.5 มม. มักเป็นขนาดที่ขายได้ราคาดีที่สุด

สี: สีขาว สีครีม หรือสีดำ (ขึ้นอยู่กับความนิยมในแต่ละพื้นที่)

ความแวววาว: ประกายเฉดสีดอกกุหลาบชนิดต่างๆ สีครีม หรือสีงาช้าง

แหล่งที่มา: ประเทศญี่ปุ่น

2. ไข่มุกน้ำจืด

หากสังเกตดีๆ จะพบว่า ไข่มุกน้ำจืดมีความแตกต่างกับ Akoya Pearl (ไข่มุกอะโกย่า) เพราะไม่ว่าใครก็คงเคยเห็นไข่มุกน้ำจืดตามท้องตลาด ซึ่งมีราคาที่จับต้องได้มากกว่า Akoya Pearl (ไข่มุกอะโกย่า) นั่นเอง นั่นก็เพราะว่าหอยมุกน้ำจืดมักพบได้ตามแม่น้ำและลำธารหลายแห่งด้วยสีสัน รูปทรง และขนาดมากกว่าไข่มุกชนิดอื่นๆ

สีของไข่มุกน้ำจืดที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไปนั้น ได้แก่ สีขาว สีชมพู สีส้มพีช และสีม่วงลาเวนเดอร์ และยังสามารถพบไข่มุกสีเหลือง สีฟ้า และสีเขียวได้ด้วยเช่นกัน

อีกหนึ่งข้อแตกต่างของไข่มุกน้ำจืดกับ Akoya Pearl (ไข่มุกอะโกย่า) ก็เห็นจะเป็นการที่หอยมุกน้ำจืดผลิตไข่มุกได้มากถึง 30-40 เม็ดเลยทีเดียว ซึ่งแน่นอนว่าคุณภาพของไข่มุกทั้งสองชนิดนี้มีความแตกต่างกัน โดยไข่มุกน้ำจืดมีคุณภาพที่ด้อยกว่า Akoya Pearl (ไข่มุกอะโกย่า) เพราะมีไข่มุกน้ำจืดที่สามารถนำมาทำเครื่องประดับได้จริงเพียง 1-2  ใน 100 เท่านั้น

ขนาด: ไข่มุกน้ำจืดขนาด 2-20 มม. ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยทั่วไปโดยไข่มุกน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 15 มม.

สี: สีขาว สีครีม สีส้มพีช สีชมพู และสีม่วงลาเวนเดอร์เป็นสีธรรมชาติ ส่วนมุกน้ำจืดสีดำและสีเทานั้นเป็นมุกที่ถูกย้อมสี (ขึ้นอยู่กับความนิยมในแต่ละพื้นที่)

ความแวววาว: ประกายสีดอกกุหลาบ สีครีม หรือสีงาช้าง

แหล่งที่มา: พบได้ทั่วทวีปเอเชีย

3. Tahitian Pearl (ไข่มุกตาฮิเตียน)

เมื่อดูจากชื่อสายพันธุ์แล้ว หลายคนอาจเข้าใจผิดว่า Tahitian Pearl (ไข่มุกตาฮิเตียน) มีพื้นเพจากแถวชายฝั่งตาฮิเตียนเลย แต่จริงๆ แล้วไข่มุกขนิดนี้เจริญเติบโตและหาได้ในแหล่งน้ำเค็มตามหมู่เกาะของฝรั่งเศสต่างหาก นอกจากนี้ ยังพบได้ในหอยมุกตาฮิเตียนที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง Pinctada Margaritifera (หอยมุกริมฝีปากดำ) นั่นเอง

สิ่งที่ทำให้ Tahitian Pearl (ไข่มุกตาฮิเตียน) มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนไข่มุกชนิดอื่น นั่นก็คือสีที่ดำตามธรรมชาติที่หาได้ยากมาก นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ Tahitian Pearl (ไข่มุกตาฮิเตียน) ต่างจากไข่มุกดำชนิดอื่นที่ผ่านการย้อมสีหรือถูกกระตุ้นให้กลายเป็นสีดำนั่นเอง ซึ่ง Tahitian Pearl (ไข่มุกตาฮิเตียน) ที่สวยงามเหล่านี้ยังส่องประกายเป็นเฉดสีโอเวอร์โทนมากมาย ได้แก่ โทนเขียว โทนฟ้าน้ำทะเล โทนเงิน โทนส้ม และโทนกุหลาบ

ขนาด: ส่วนใหญ่มีขนาด 8-21 มม.

สี: เฉดสีน้ำตาล สีเทา ฟ้า เขียว และม่วง

ความแวววาว: ประกายสีเงินสีรุ้งเหลือบฟ้า

แหล่งที่มา: มักหาได้ตามหมู่เกาะของฝรั่งเศส

4. South Sea Pearl (ไข่มุกเซาท์ซี)

ในบรรดาสายพันธ์ไข่มุกทั้งหมดนั้น South Sea Pearl (ไข่มุกเซาท์ซี) เป็นไข่มุกที่มีขนาดใหญ่และมีชั้นผิวด้านในหนาที่สุด นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ South Sea Pearl (ไข่มุกเซาท์ซี) เป็นหนึ่งในไข่มุกที่มีราคาแพงเป็นอันดับต้นๆ ซึ่งสีของ South Sea Pearl (ไข่มุกเซาท์ซี) ที่มักเจอบ่อยๆ ได้แก่ สีขาวและสีทองนั่นเอง แน่นอนว่า South Sea Pearl (ไข่มุกเซาท์ซี) สีทองนั้นมีมูลค่ามากที่สุด โดยสามารถหาได้จากแหล่งน้ำที่มีอุณหภูมิอุ่น โดยเฉพาะในพม่า ออสเตรเลีย และจีน  

South Sea Pearl (ไข่มุกเซาท์ซี) สีทองถือเป็นสีหายากและมีราคาแพงที่สุด นั่นก็เพราะ South Sea Oyster (หอยมุกเซาท์ซี) สามารถผลิตไข่มุกสีนี้ได้เพียง 4-8% เท่านั้น นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ South Sea Pearl (ไข่มุกเซาท์ซี) สีทองมีมูลค่าสูง แถมยังเป็นที่ต้องการของสาวๆ อีกนับไม่ถ้วน

ขนาด: ขนาด 8-20 มม. และมีขนาดเฉลี่ย 13 มม.

สี: สีขาว สีครีม และสีเงิน

ความแวววาว: ประกายสีชมพู สีฟ้า และสีเขียว  

แหล่งที่มา: ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย และหมู่เกาะฟิลิปปินส์ เป็นแหล่งน้ำที่สามารถหา South Sea Pearl (ไข่มุกเซาท์ซี) คุณภาพเยี่ยมได้มากที่สุด

ความหมายของสีไข่มุกที่แตกต่างกัน

ไม่ว่าใครก็คงเห็นแล้วว่าไข่มุกแท้ส่องประกายสวยงามเวลาที่มีแสงตกกระทบ และด้วยชั้นผิวของไข่มุกที่ก่อตัวหนาขึ้นหลายๆ ชั้นนี่เองที่ทำให้คุณสามารถเห็นเฉดสีของไข่มุกได้มากมาย

ทีนี้มาดูกันต่อ ว่าแต่ละสีของไข่มุกนั้นมีความหมายและความเชื่ออะไรซ่อนอยู่บ้าง

ไข่มุกสีขาว

เมื่อพูดถึงไข่มุก หลายคนก็มักคิดถึงไข่มุกสีขาวสุดคลาสสิกที่ใครๆ พากันชื่นชอบมานานกว่าร้อยปี ซึ่งมีความเชื่อว่า ไข่มุกสีขาวเป็นสัญลักษณ์ของความงดงามอันบริสุทธิ์และยังหมายถึงการเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ อีกด้วย นี่เป็นเหตุผลที่ไข่มุกสีขาวมักถูกเลือกใช้เป็นเครื่องประดับสำหรับเจ้าสาวแสนสวยในวันแต่งงานนั่นเอง นอกจากนี้ยังมีความหมายที่ลึกซึ้งของไข่มุกสีขาวที่คนในสมัยกรีกโบรานเชื่อกันว่า ไข่มุกสีขาวจะช่วยให้ชีวิตแต่งงานมีแต่ความรักใคร่กลมเกลียว

เพียงคุณใส่ต่างหูมุก Akoya (ไข่มุกอะโกย่า) แบบแป้นหรือแบบห่วงคู่เล็กๆ ก็จะช่วยให้ลุคการแต่งตัวของคุณดูคลาสซี่และมินิมอลขึ้นมาทันที นอกจากนี้ ต่างหูมุกยังสามารถช่วยให้การแต่งตัวดูเนี้ยบและหรูโดยไม่บดบังรัศมีของชุดเจ้าสาวเลย 

ไข่มุกสีดำ

ไข่มุกสีดำหรือที่รู้จักกันในชื่อ Tahitian Pearl (ไข่มุกตาฮิเตียน) นั้นหายากที่สุดและยังมีราคาที่สูงมากอีกด้วย ซึ่งความเชื่อลึกลับที่ซ่อนอยู่ภายใต้ไข่มุกสีดำนี้ก็คือ “ความรักอันเป็นนิรันดร์” และยังมีตำนานบอกอีกว่า โอโร่ เทพเจ้าที่ชาวโพลินีเซียนนับถือให้เป็นเทพแห่งการมีลูกและความสงบสุข ยังมอบไข่มุกสีดำเป็นของขวัญให้หญิงอันเป็นที่รักอีกด้วย

นอกจากไข่มุกสีดำจะมีทั้งความลึกลับและสวยงามแล้ว ก็ยังสามารถเพิ่มออร่าให้การแต่งตัวของคุณดูสวยเด่นและเท่กว่าใคร นี่จึงเป็นเหตุผลที่เครื่องประดับมุกสีดำนั้นเหมาะกับสาวเปรี้ยวที่มีสไตล์เป็นของตัวเองยังไงล่ะ

ไข่มุกสีชมพู

ประกายของไข่มุกสีชมพูมักมองเห็นได้ไม่ค่อยชัด แต่ประกายสีชมพูอ่อนๆ แบบนี้จะช่วยให้การแต่งตัวของคุณดูสง่างามสมเป็นผู้หญิงมากขึ้น แถมยังมีความเชื่ออีกว่า ไข่มุกสีชมพูนั้นหมายถึงความสำเร็จ ความโชคดี และความร่ำรวย และด้วยความหมายดีๆ แบบนี้เอง จึงทำให้ผู้คนนิยมมอบไข่มุกสีชมพูเป็นของขวัญในวันสำเร็จการศึกษา เสมือนเป็นคำอวยพรให้บัณฑิตจบใหม่ได้มีอนาคตที่สดใส

โดยทั่วไป สาวๆ มักชอบสวมแหวนไข่มุกสีชมพูกัน แต่ก็ยังมีบางคนที่ชอบใส่สร้อยมุกและต่างหูมุกสีชมพูเข้าเซ็ตให้เห็นกันอยู่บ่อยๆ เช่นกัน

ไข่มุกสีทอง

ไข่มุกสีทองก็เป็นอีกหนึ่งสีที่มีค่าและเป็นที่ต้องการของตลาดสุดๆ เพราะเชื่อกันว่า ไข่มุกสีทองเป็นตัวแทนของความมั่งคั่งและมิตรภาพที่ดี อีกทั้งยังช่วยปัดเป่าให้สถานการณ์ร้ายๆ หมดไปอีกด้วย เพราะเหตุนี้ไข่มุกสีทองจึงถูกมอบให้เป็นของขวัญสุดพิเศษในหลายโอกาส ไม่ว่าจะเป็นของขวัญแต่งงาน เพื่ออวยพรให้คู่สมรสมีความสุขในชีวิตคู่ หรือแม้แต่ของขวัญสำหรับเด็กแรกเกิด เพื่ออวยพรให้เด็กๆ โชคดีและได้มิตรที่ดีต่อไป   

ด้วยขนาดที่ใหญ่กว่าไข่มุกสายพันธ์อื่นๆ นี่เอง จึงทำให้สาวๆ นิยมนำไข่มุกสีทองมาทำเป็นเข็มกลัดมุกหรือสร้อยมุกกัน

ไข่มุกสีฟ้า

ความเชื่อที่ซ่อนอยู่ภายใต้ประกายสีฟ้าสะดุดตานั้นเป็นเหมือนสัญลักษณ์แห่งความจริง ความสุขุม และความกล้าหาญ จึงไม่แปลกที่ไข่มุกสีฟ้าจะถูกมอบให้เป็นของขวัญที่จะช่วยเพิ่มขวัญกำลังใจให้คนที่ได้รับ ให้สามารถผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆ ไปได้ด้วยดี นอกจากนี้ ไข่มุกสีฟ้ายังเหมาะสำหรับคนที่กำลังจะเริ่มต้นชีวิตใหม่หรือกำลังหางานใหม่อีกด้วย

ด้วยเหตุที่ไข่มุกสีฟ้าเป็นสัญลักษณ์ของความเข้มแข็งและความกล้าหาญ ไข่มุกสีนี้จึงมักถูกมอบให้คนที่เพิ่งเริ่มทำธุรกิจเป็นของตัวเอง คนที่อยากเลื่อนตำแหน่ง หรือกำลังมองหาช่องทางขยายกิจการ รวมถึงในโอกาสอื่นๆ ที่เกี่ยวกับความคาดหวังที่จะช่วยให้คุณประสบความสำเร็จในชีวิต

ไข่มุกสีเขียว

ไข่มุกสีเขียวเป็นตัวแทนของการเติบโต ความสมดุล เช่นเดียวกับความหวังและการเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ ซึ่งสีเขียวนั้นเป็นเสมือนสีแห่งชีวิตและเกี่ยวกับการเติบโตในทุกด้านของชีวิต นี่จึงเป็นเหตุผลที่ไข่มุกสีเขียวเหมาะที่จะเป็นเครื่องประดับของคนที่อยากเริ่มต้นชีวิตใหม่ เช่นเดียวกับคนที่อยากพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นและพร้อมจะมองโลกในแง่บวก

ไข่มุก 3 ชนิดที่ขายดีที่สุด

ไข่มุกถือเป็นอัญมณีที่นิยมนำมาทำเครื่องประดับกันมาอย่างยาวนานที่สุดเลยก็ว่าได้ แต่ไข่มุกชนิดไหนกันล่ะที่ครองใจผู้คนมาได้ถึงวันนี้ เราจะพาคุณมาดูไข่มุก 3 ชนิดที่ขายดีที่สุดของ Matara Studio กัน

1. White Akoya Pearl (ไข่มุกอะโกย่าสีขาว)

Akoya Pearl (ไข่มุกอะโกย่า) ถือเป็นไข่มุกที่มีคุณภาพดีที่สุดในตอนนี้ และยังเป็นไข่มุกที่ขึ้นชื่อด้านรูปทรงกลมที่มีความสมบูรณ์แบบของ Akoya Pearl (ไข่มุกอะโกย่า) ด้วยผิวของไข่มุกที่ส่องประกายงดงามนี้เองที่ทำให้ Akoya Pearl (ไข่มุกอะโกย่า) กลายเป็นไข่มุกสุดคลาสสิกที่เรารู้จักและหลงรักนั่นเอง

2. Black Tahitian Pearl (ไข่มุกตาฮิเตียนสีดำ)

Tahitian Pearl (ไข่มุกตาฮิเตียน) มีความแตกต่างจากไข่มุกสีขาวสุดคลาสสิกอย่างสิ้นเชิง โดยไข่มุกสีดำนั้นมีราคาแพงและหายากกว่าไข่มุกสีอื่นๆ Black Tahitian Pearl (ไข่มุกตาฮิเตียนสีดำ) เป็นไข่มุกเพียงชนิดเดียว

3. ไข่มุกสีทอง

ไข่มุกสีทองนั้นเป็นที่นิยมในหมู่สาวๆ ในปัจจุบันมากที่สุด ซึ่งเฉดสีทองอ่อนๆ ของมันนั้นสวยละมุนคล้ายสีของแชมเปญไปจนถึงเฉดสีทองเข้มคล้ายสีทอง 24K เลยล่ะ นอกจากนี้ ไข่มุกสีทองยังเป็นหนึ่งในไข่มุกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดที่เคยมีมาและเป็นหนึ่งในไข่มุกที่หายากที่สุด นั่นก็เพราะหอยมุกปากดำสามารถผลิตไข่มุกสีทองได้เพียง 1% เท่านั้น

การดูแลรักษาไข่มุกและบริการหลังการขายของ Matara Studio

แม้ไข่มุกแท้คุณภาพดีจะมีความแข็งแรงและทนทานแค่ไหน แต่ก็ยังต้องการความดูแลเอาใจใส่ เพื่อให้ไข่มุกของคุณดูสวยและมีมูลค่าอยู่เสมอ มาดูกันว่าจะมีวิธีดูแลไข่มุกเด็ดๆ อะไรในการดูแลไข่มุกของคุณให้ดูดีอยู่เสมอบ้าง

ใส่เครื่องประดับมุกเป็นลำดับสุดท้ายในการแต่งตัว และถอดออกก่อนออกกำลังกาย

โดยทั่วไปแล้ว ไข่มุกแท้มีความชุ่มชื้นสูงและมีความเป็นกรดเหมือนแอลคาไลน์ ด้วยเหตุผลนี้ คุณจึงควรเก็บเครื่องประดับมุกไว้ให้ห่างจากเครื่องสำอาง สเปรย์จัดแต่งทรงผม และน้ำหอม เพื่อป้องกันไม่ให้ความแวววาวและผิวที่มันวาวของไข่มุกแท้จางหายไป ดังนั้น คุณจึงควรใส่เครื่องประดับมุกเป็นชิ้นสุดท้ายในระหว่างขั้นตอนการแต่งตัว และขอแนะนำให้ถอดเครื่องประดับมุกก่อนการออกกำลังกาย เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เหงื่อไคลของคุณสัมผัสกับไข่มุกจนทำให้ผิวของมันระคายเคือง 

การเก็บรักษาและการดูแลไข่มุกระหว่างการเดินทาง

ขั้นตอนนี้ก็คล้ายกับวิธีดูแลไข่มุกที่พูดไปก่อนหน้านี้ว่า แม้ไข่มุกจะเป็นอัญมณีที่มีความทนทาน ไม่สามารถทำให้แตกหักได้ง่ายๆ แต่มันก็สามารถเกิดรอยขีดข่วนเวลาที่ของมีคมหรือสัมผัสโดนเครื่องประดับอื่นๆ ได้เช่นกัน เพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น คุณจึงควรเก็บไข่มุกไว้ในกล่องเก็บเครื่องประดับและใส่ไว้ในกระเป๋าเก็บเครื่องประดับเวลาที่คุณจำเป็นต้องพกไข่มุกไปด้วยระหว่างการเดินทาง 

การทำความสะอาดและทำให้ขึ้นเงา

สิ่งที่ดีที่สุดที่คุณสามารถทำได้ หากเห็นว่าเครื่องประดับของคุณนั้นไม่เปล่งประกายหรืออาจดูเหมือนว่าประกายระยิบระยับที่เคยเล่นแสงกลับไม่สวยเหมือนเมื่อก่อน คุณสามารถนำเครื่องประดับสุดรักของคุณมาให้ผู้เชี่ยวชาญของ Matara Studio ช่วยดูแลได้

นอกจากนี้ คุณควรหมั่นใช้ผ้าเนื้อนุ่มมาทำความสะอาดเครื่องประดับมุกเป็นประจำ แต่อย่าใช้แรงถูไข่มุกมากเกินไประหว่างที่ทำความสะอาดล่ะ เพราะนั่นอาจทำให้ชั้นผิวที่เงางามของไข่มุกนั้นไม่เปล่งประกายเหมือนเดิม

สวมใส่เครื่องประดับมุกได้อย่างมีความสุข

เพราะไข่มุกแท้นั้นต้องการความชุ่มชื้น ดังนั้นการปล่อยให้มันอยู่ในกล่องเก็บเครื่องประดับนานๆ นั้นอาจเป็นสาเหตุที่อาจทำให้ไข่มุกของคุณมีรอยร้าวได้ ด้วยเหตุผลนี้เอง จึงมีคำกล่าวที่ว่า “ไข่มุกแท้นั้นควรได้รับการสวมใส่” ฉะนั้นคุณจึงควรหยิบมันมาใช้งานอยู่เสมอ และมีความสุขได้เต็มที่เมื่อได้สวมใส่มัน

Matara Studio พร้อมให้คำแนะนำการเลือกสร้อยข้อมือไข่มุกและกำไลไข่มุก เพื่อมอบเป็นของขวัญในโอกาสพิเศษของคุณ

เพิ่มสะดวกสบายให้คุณยิ่งขึ้น ด้วยบริการให้คำแนะนำอย่างเป็นกันเองจากผู้เชี่ยวชาญด้านไข่มุก เพื่อช่วยคุณเลือกต่างหูมุกแท้ให้คนที่คุณรักในโอกาสพิเศษที่ Matara Studio ได้ที่สาขาโรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ และสาขาเซ็นทรัลเอ็มบาสซี่ หรือพูดคุยผ่านไลน์ (LINE)และช่องทางอื่นๆ ของแบรนด์ได้ทุกวัน